Description
กายอยู่ที่ไหน ใจอยู่ที่นั่น จึงจะเสกสรรสุขได้เต็มตัว
จิตกับกายจะตรงกัน ต้องหมั่นเจริญสติ
คนเราเป็นทุกข์ เพราะเดินตามทางของกิเลส
เดินทางโลกเหมือนเดินทางลื่น
ความโกรธ เปรียบดังไฟเผาใจให้ทุกข์
ความหลง บังใจให้มืดบอด
พระธรรมเปรียบดังดวงประทีป
ความรู้อยู่ในตำรา ถ้าไม่ศึกษาปัญญาก็ไม่เกิด
จิตที่ขาดสติ ย่อมมีอันตรายอยู่รอบด้าน
จิตที่ฝึกดีแล้ว นำความสุขมาให้
มีสติกับปัจจุบัน สร้างสรรค์สุขตลอดเวลา
จิตติดอยู่กับเรื่องใด ต้องไขออกจะได้ไม่ทุกข์
มีทุกข์เพราะมีเรา ไม่มีเรา ก็ไม่มีอะไรให้ทุกข์
ธรรมชาติสร้างสมดุล เพื่อเกื้อกูลทุกสรรพสิ่ง
ชีวิตเป็นไปตามเหตุปัจจัยที่เคยสร้าง
ทำกรรมอย่างไรไว้ ก็ต้องได้รับผลกรรมอย่างนั้น
ยอมรับความจริง แล้วปล่อยวางใจจะว่างเป็นสุข
ปล่อยวาง ช่างเขา ช่างมัน
เพราะขาดปัญญา จึงชอบนินทาคนอื่น
จองเวรไม่วาง ยิ่งสร้างทางทุกข์แก่ตน
ด่าเขาแล้วเขานิ่ง พาเราดิ่งลงสู่นรก
คนไม่มีหลักธรรม ชีวิตก็ตกต่ำล้มเหลว
แรงคาถา ฤาจะสู้แรงกรรม
หมดกรรมก็หมดเกิด
ขาดสติเมื่อใด ความทุกข์ก็ครองงำใจเมื่อนั้น
จิตสบาย กายสงบ จะพบสุขแท้
จงกล่าวแต่คำดี สร้างมงคลไว้ที่ปาก
ยึดพระพุทธเป็นหลักใจ จะมีชัยในทุกที่
รีบฝึกสมาธิภาวนา ก่อนเวลาของชีวิตจะหมดลง
ถ้าใจเราดีแล้ว ทุกอย่างดีหมด
พอใจในสิ่งที่มี ดีกว่าเป็นเศรษฐีเงินกู้
แก้ทุกข์ง่ายๆ แค่ตื่นรู้อยู่กับปัจจุบัน
สุขมีแน่ แค่มีสติอยู่กับปัจจุบัน
อายุยืนแค่ไหนก็ต้องตายในที่สุด
จะไปเกิดที่ไหนไม่ต้องคิด จงฝึกจิตให้มีสุขก็พอ
มนุษย์เป็นเทวดาได้ ถ้าจิตใจมีธรรม
ขาดสติรู้ปัจจุบัน ความสุขจะพลันหายไป
จิตที่มีกำลังแข็งแกร่ง ย่อมทนแรงกระทบได้มาก
ปล่อยวางทุกอย่าง ก็ว่างจากทุกข์
จิตใจขาดสติปัญญา เหมือนลำกำพร้าขาดพ่อแม่
สวดมนต์ดลสุข
คำบูชาพระรัตนตรัย
บทกราบพระรัตนตรัย
บทนอบน้อยพระพุทธเจ้า
บทไตรสรณคมน์
บทสรรเสริญพระพุทธคุณ
บทสรรเสริญพระธรรมคุณ
บทสรรเสริญพระสังฆคุณ
บทมงคลสูตร
บทธัมมจักกัปปวัตตนสูตร
บทพระคาถาชินบัญชร
บทแผ่เมตตาให้ตนเอง
บทแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์
บทแผ่ส่วนบุญส่วนกุศล
บทกรวดน้ำแบบยาว
บทกรวดน้ำย่อ